ถึงความรัก ความฝัน และอากาศหนาว
ตอนนี้คิมฮันบินอยากว่าเหงาเหลือเกิน
สองขาของเขาก้าวไปข้างหน้าเป็นจังหวะคงที่ พร้อมกับกระดาษแผนที่แผ่นใหญ่ในมือ ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้เท่าไหร่ ครั้นจะให้ถามคนที่เดินผ่านไปมาแถวนี้ยิ่งไม่ต้องนึกถึง เพราะจากที่แอบไปศึกษามาคนประเทศนี้มากกว่าหกสิบเปอร์เซนต์ใช้ภาษาเยอรมัน และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือฮันบินไม่เก่งภาษาอังกฤษเอาเสียเลย
เมืองเบิร์นที่ปกติก็ดูใหญ่อยู่แล้ว ตอนนี้มันใหญ่กว่าเดิมเป็นหลายเท่า
เพราะคิมฮันกำลังหลงทาง
รอบกายรายล้อมไปด้วยตึกสูงหลากสีสันและร้านค้า ทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่ได้ทำให้อุ่นใจได้เลยสักนิด ถ้าหากโชคดีกว่านี้หน่อยก็ขอให้มีใครสักคนที่พูดภาษาเดียวกันผ่านมาแถวนี้บ้าง
"หลงทางอยู่รึเปล่าครับ?"
ไม่ทันที่คำภาวนานั้นจะไปถึงพระเจ้า(ทั้งที่ไม่ได้เชื่อในพระเจ้า) ชายรูปร่างสูงโปร่งในท่าคร่อมจักรยานก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า แอบดีใจนิดๆที่อย่างน้อยก็ไม่ได้โชคร้ายไปเสียหมด "เปล่าครับ"
แต่อยู่ๆจิตใต้สำนึกก็ดันสั่งให้พูดประโยคนั้นออกไป แหงล่ะ มาต่างที่ต่างถิ่นจะให้ไว้ใจคนได้ยังไง
ชายตรงหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรต่อจากนั้น แล้วทำท่าจะปั่นจักรยานออกไป
"เห็นอยู่ว่าหลงทาง แต่เอาเถอะ ถ้าไม่อยากให้ช่วยก็จะไม่ช่วย"
ไม่แน่ใจว่าฮันบินคิดถูกแล้วหรือไม่ที่ยื่นมือออกไปจับแขนผู้ชายคนนั้น แต่ถ้าจะให้รอหาทางไปเองคงหมดคืนกว่าจะเจอ "คือผมจะไปหอนาฬิกาซึทกลอกเกอ พอจะช่วยหน่อยได้ไหมครับ"
ชายบนรถจักรยานยิ้มร่าก่อนจะผงกหัวรัวๆ เขาบอกให้ฮันบินเลือกเอาว่าจะเช่าจักรยานตามมาหรือจะเดิน ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเลือกเดิน เด็กมหาลัยที่ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง และเอาเงินเก็บมาเที่ยวแบบนี้จะให้ใช้ฟุ่มเฟือยก็อดตายกันพอดี
เดินตามคนนั้นมาอย่างไม่รีบร้อนและหาเรื่องคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานก็มาถึง แสงไฟที่ประดับข้างทางในยามเย็นกับอากาศหนาวๆแบบนี้เป็นอะไรที่โคตรจะลงตัวในความคิดของฮันบิน "ผมต้องไปแล้ว เที่ยวให้สนุกล่ะคุณ" ไม่ทันจะได้ถามไถ่ชื่อหรือเอ่ยขอบคุณ ชายขี่รถจักรยานก็พูดขอตัวขึ้นมาเสียดื้อๆ
ในเมื่อไม่รู้จักชื่อก็เอาเป็นว่า ยินดีที่ไม่รู้จักละกัน
♡
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์คนเดียวของฮันบิน สองวันก่อนถือว่าโชคดีเอามากๆเพราะหลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือจากชายคนนั้นฮันบินก็เจอแต่เรื่องดีๆตลอดการเดินทาง ทั้งผู้คนที่เป็นมิตร และร้านอาหารที่อร่อย นับว่าคุ้มจริงๆ
วันนี้มาขึ้นรถไฟสาย Rigi Bahn เพื่อจะไปบนเขาแมทเทอร์ฮอร์น คนในเว็บบอร์ดที่ฮันบินแอบไปศึกษานั้นเอาแต่บอกว่ามันดีมากๆแบบว่าห้ามพลาด เลยทำให้ต้องลิสต์ใส่ไว้ในสถานที่ที่ต้องไป หลังจากซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยก็รอจนรถไฟมา ผู้คนเยอะเป็นพิเศษ เนื่องจากฤดูนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงอากาศกำลังดี ขบวนรถไฟเริ่มออกตัวแล้ว แต่ฮันบินยังหาที่นั่งไม่ได้เลย
"คุณครับ ผมขอนั่งด้วยคนสิ"
โชคดีอีกตามเคย ฮันบินเจอผู้ชายคนนั้น คนที่ปั่นจักรยานแล้วช่วยเจ้าตัวไว้ในวันแรกที่เมืองเบิร์น เขายกยิ้มอบอุ่นให้ก่อนจะพยักหน้ารับ ร่างบางรีบกระเตงกระเป๋าใบใหญ่และกล้องของตัวเองเข้าไปนั่งตรงข้ามกับชายคนนั้น ไม่มีใครเริ่มบทสนทนา จนความเงียบเข้าปกคลุม ทั้งๆที่ผู้คนบนรถก็คุยกันเจื้อยแจ้ว
"คุณชื่ออะไรหรอครับ?"
"คุณชื่ออะไรหรอครับ?"
ประหนึ่งว่าที่เงียบกันเมื่อกี้นี้คือกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะถามออกมาดีไหม และสุดท้ายก็ดันถามออกมาพร้อมกัน "กูจุนฮเวครับ" เขาตอบก่อน จากนั้นก็พยักพเยิดหน้าให้ฮันบินตอบ "คิมฮันบินครับ"
และ ยินดีที่ได้รู้จักกันนะ กูจุนฮเว
ขบวนรถไฟแล่นไปอย่างช้าๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีและดอกไม้เล็กๆ แล่นไปจนเห็นเขาแมทเเทอร์ฮอร์นสีขาวเนื่องจากมีหิมะปกคลุมแม้จะยังไม่เข้าฤดูหนาวก็ตาม
"คุณอยู่ที่นี่เหรอ...หมายถึงอาศัยอยู่ที่สวิตน่ะ" ฮันบินถามขณะที่กำลังเดินลงจากรถไฟ
"เปล่าหรอก ผมแค่มาเรียนเดี๋ยวก็กลับแล้ว" อีกคนตอบกลับมาอย่างสบายๆและเดินนำไป พร้อมช่วยถือกระเป๋ากล้องให้
น่าแปลก ที่สองวันก่อนจะเจอกันยังบ่นอุบกับตัวเองอยู่เลยว่าเหงา แต่ตอนนี้ดันรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเสียดื้อๆ เพราะความใจดี และรอยยิ้มของจุนฮเวแหงๆ รอยยิ้ม ที่เห็นเมื่อไหร่ก็อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้
ทั้งคู่เดินลงมาด้วยกันตรงบริเวณผืนหญ้าข้างทะเลสาบ รอบตัวโอบล้อมไปด้วยเขาสีเขียวและต้นไม้ที่ใบกำลังจะเปลี่ยนสี ตรงหน้าเป็นยอดเขาทรงพีระมิดของเขาแมทเทอร์ฮอร์น กล้องขนาดพอดีมือถูกยกขึ้นโดยเจ้าของ ก่อนจะมีเสียงรัวชัตเตอร์ดังขึ้น จุนฮเวมองคนตรงหน้าแล้วระบายยิ้มออกมา
"คุณช่วยยิ้มแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหม" ไม่รู้อะไรดลใจให้ฮันบินบอกแบบนั้น แต่คนตรงหน้าดันยิ้มออกมาซะกว้างจนตาหยี
มันน่ารัก..และอบอุ่น
แชะ
จุนฮเวไม่ได้ว่าอะไรตอนที่เขายกกล้องขึ้นมาถ่าย จากนั้นทั้งคู่ก็พากันไปที่ร้านสะดวกซื้อด้านบน
ฮันบินออกมาพร้อมกับกาแฟร้อนและฟองนมสีขาวลอยอยู่
"ขอบคุณที่เป็นเพื่อนและคนแปลกหน้าที่ดีในการเดินทางนะครับ" ที่จริงแล้วฮันบินควรจะพูดประโยคนี้ แต่เปล่า จุนฮเวเป็นคนพูด ในขณะเดียวกันคนร่างบางก็ยกกาแฟซดไปด้วย จุนฮเวสืบเท้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้นก่อนจะยิ้มแบบที่ชอบยิ้มให้
จากนั้น อวัยวะทั้งสองก็ประกบลงบนที่เดียวกัน ความรู้สึกที่แปลกใหม่ต่างตีรวนขึ้นมาจนหน้าเห่อร้อน หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน มันแปลก แต่ฮันบินกลับไม่ปฏิเสธเขาเลยแม้แต่น้อย จุนฮเวไม่ได้รุกล้ำเข้าไปมาก เพียงแค่ดูดดึงบริเวณริมฝีปากเฉยๆ ก่อนจะถอนออกมา
"ฟองนมมันติดปากคุณน่ะ ผมเลยเอาออกให้"
จากกาแฟที่เคยขม ในเวลานี้มันกลับหวานผิดปกติ จากหัวใจที่เคยเหงาและหนาวเหน็บ ตอนนี้กลับอบอุ่นขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ...
END ♡
by ; hanryan
ใครเขาให้เช็ดนมแบบคะะ หัวใจจะวายย 555 ตอนแรกก็คิดว่าจะเดินเข้ามาเช็ดให้เฉยๆ แบบเช็ดธรรมดาๆ...
จากคนไม่รู้จัก เดี๋ยวจะกลายเป็นคนรู้ใจแล้ว~