เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Into the roomDHaeArin
มายไดอารี่: วันที่เกือบกัดกับหมา (จริงๆ)
  • นี่เป็นเรื่องราวสมัยที่เรายังทำงานอยู่ที่โรงงานในจังหวัดชลบุรี งานที่เราทำตอนนั้นเกี่ยวข้องกับระบบ ISO ซึ่งอธิบายคร่าวๆ ก็คือการความคุมการทำงานในโรงงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย ดังนั้น ถ้าหากมีการตรวจโรงงาน ตำแหน่งงานอย่างเรา จะเป็นด่านแรกๆ ที่ผู้ตรวจติดตาม (หรือเรียกกันว่า Auditor) จะเข้ามาเจอค่ะ


    โดยทั่วไปโรงงานแต่ละแห่งจะมีรอบให้ผู้ตรวจติดตามเข้ามาตรวจ ปกติจะเป็นปีละ 1 ครั้ง ซึ่งมีทั้งการตรวจสอบเอกสาร และการลงพื้นที่ตรวจสอบที่หน้างาน 


    ดังนั้นทุกๆ ปี เราจะต้องเตรียมตัวเพื่อรับการตรวจสอบ (หรือที่ชาว ISO เรียกกันติดปากว่า Audit) ถ้าหากตรวจไปแล้วพบว่าเราปฏิบัติงานไม่สอดคล้องตามมาตรฐานของ ISO ที่ได้กำหนดไว้ เราจะได้รับเอกสารที่เรียกว่า CAR (Corrective action report) ซึ่งแล้วแต่ความหนักเบาของความไม่สอดคล้องที่เกิดขึ้น คือเหมือนเราโดนใบสั่งจากพี่ตำรวจอ่ะค่ะ แต่ใบสั่งนี้ไม่ได้เสียค่าปรับนะคะ เราจะต้องไปหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องนี้ แล้วก็มาหาวิธีแก้ไขที่รากของปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วก็ต้องติดตามแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีก และต้องไม่เกิดซ้ำที่แผนกอื่นๆ ด้วย เรียกได้ว่า เวลาคนโรงงาได้ใบ CAR จาก Auditor กันมาทีนี้แทบจะเอาเท้าขึ้นมากุมขมับกันเลยทีเดียว พวกเราชาวโรงงานชอบแซวกันเล่นๆ หลัง Audit เสมอว่า


    "เฮ้ยเป็นไงแก ได้รถมากี่คัน (คำว่า CAR มันรวมกันออกมาก็แปลว่ารถได้เหมือนกันน่ะค่ะ)"


    อย่างที่บอกไปว่าการได้ CAR นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่โต ที่ทุกคนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข แน่นอนว่า ณ วัน Audit ไม่มีใครอยากได้รถขับกลับบ้านไปเชยชม... ดังนั้นก่อนที่เราจะรับการ Audit จากท่านๆ Auditor เราจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างดี ทำงานทุกอย่างในแต่ละวันให้เป็นไปตามมาตรฐานสิคะ สิ่งนี้แหละจะช่วยคุณได้


    หึหึหึ... แต่ชีวิตที่มันสงบราบรื่นมันจะไปสนุกอะไร



    ชีวิตใครมันจะไปเพอเฟ็คท์ขนาดนั้น บางทีมันก็ต้องมีออกนอกลู่นอกทางบ้าง หัวหน้างานอาจจะพลาดๆ ไป ระหว่างปีลูกน้องอาจจะลาคลอด มีคนลาออกไปบ้าง มาตรฐานที่รักษากันมามันก็อาจจะมีอาการแปรปรวน รวนๆ กันไปบ้าง ซึ่งอันนี้ก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้างานที่ต้องมาปลูกผักชี (เพื่อใช้โรยหน้า) กันให้ัทันก่อนวัน Audit


    แล้วก็มีอยู่ปีหนึ่งที่เอกสารของเราค่อนข้างที่จะไม่พร้อม (ถึงไม่พร้อมอย่างที่สุด TT^TT) ทางแผนกเราจะต้องมีการเตรียมการปลูกผักชีกันอย่างเร่งด่วน เพราะมันจะมี Audit กันในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้านี้แล้ว เรียกได้เลยว่าไฟลนก้นมากๆ กระแตผู้เป็นหนังหน้าไฟต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำโอที บ้าง โอฟรี บ้าง เพื่อไม่ให้มีรถ (CAR) เข้ามาเพิ่มเติมในที่จอดรถโรงงาน (เพราะไอ้ที่มีอยู่ก็ยังแก้ก้นไม่เสร็จเลยโฟร้ยยยย) จนกระทั่งวันสุดท้ายก่อน Audit ไม่รู้ว่าผักชีที่ปลูกจะโตทันหรือไม่ แต่ว่า The show must go on แล้วอะค่ะ


    จำได้ว่าเราทำงานดึกมากมาหลายวัน จนมาถึงคืนก่อนที่จะมีการ Audit นั้น เราทำงานอยู่จนดึกดื่นเหมือนเดิม ทำอยู่กับกะไอ้นัท QA เพื่อนยาก ทำจนแบบคิดว่า โอเคแล้วอ่ะเฮ้ย!!! พอเหอะ มากกว่านี้กูก็ทำไม่ไหวแล้ว รู้นะว่างานที่ทำไปน่ะ มันผักชีโรยหน้ามากๆ ถ้า Auditor เจาะลึกๆ หน่อย มันต้องเจอข้อผิดพลาดแน่ๆ แต่ทำไงได้วะ ถ้าจะให้แก้จริง ต้องแก้ใหม่หมดทั้งชุด ลากไส้ออกมากองใหม่ แก้ๆๆ แล้วยัดอีไส้นั้นใส่กลับไปให้เป็นระเบียบเลยนะ ซึ่งดูทรงแล้ว มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เสร็จภายในคืนนั้นทัน


    ก็เลยเศร้า แล้วก็ปลง แต่ก็เครียด ฮ่วย!!!! CAR ก็ไม่อยากได้ แต่แม่งก็ไ่ม่ไหวแล้วอ่ะ กูทิ้งไอ้นัทอยู่ในดงผักชีต่อไปละกัน เราก็เลยลาจากไอ้นัทมาโดยบอกมันไปว่า


    "มึง... กูไม่ไหวละว่ะ กูกล้บบ้านก่อนละ ช่างแม่ง"


    ไอ้นัทที่นั่งจ้องคอม หูเสียบหูฟังอยู่ข้างนึง พยักหน้าให้เราหงึกๆ ปากพึมพำประมาณว่า "เออเมิงโชคดี"



    ไอ้แตแบกความเครียดกลับบ้านตอนตีสาม... เดินสะพายโน๊ตบุคลงจากออฟฟิศ ไปที่ลานจอดมอไซค์ หยิบหมวกกันน๊อกสวมหัว สตาร์ทเครื่อง แล้วขับออกไปสแกนบัตรหน้าโรงงาน พี่ยามข้างหน้าหลับไปแล้ว... (ทำไมชีวิตแม่งเศร้าอย่างงี้)


    ขี่มอไซค์ออกมาข้ามสี่แยก เข้าซอยหอ เอามอไซค์ไปจอดที่ใต้ถุนหอ... ล้วงมือเข้าไปในถุงโน๊ตบุ๊ค... ซั๊สสส!!! ลืมคีย์การ์ดไว้ในเก๊ะ แม่มเอ้ยยยยยย ทำไมเป็นคนขี้ลืมงี้วะ ห่าราก นี่ต้องขี่กลับโรงงานไปเอามาอีก โอ้ยกูจะบ้า...


    คิดได้ดังนั้นก็เลยโทรหาไอ้นัท บอกให้มันเอาคีย์การ์ดเดินลงมาให้หน้าโรงงานหน่อย ส่วนเราก็ขี่มอไซค์ออกมาทันทีหลังจากที่โทรหามัน



    อากาศเย็นๆ ตอนตีสามกว่า ต่อให้สดชื่น ขนาดไหนก็ไม่น่าอภิรมณ์แล้วป่ะวะสำหรับคนที่ตรากตรำทำงานหามรุ่งหามค่ำมาเป็นอาทิตย์ มองไปที่ร้านส้มตำหน้า 108 shop แล้วสะท้อนใจ ป้าแกปิดร้านหนีไปตั้งแต่ตีหนึ่งแล้ว หิวก็หิว เพลียก็เพลีย เครียดก็เครียด นี่มึงยังมาลืมคีย์การ์ดอีก


    พอไปเอาคีย์การ์ดจากไอ้นัท เสร็จก็กะว่ากลับไปจะอาบน้ำนอนเลย เพราะเพลียมาก ขากลับตอนกำลังรอไฟแดงตรงสี่แยก (ก็ไม่รู้จะรอไปทำไม ไม่มีรถซักคัน) เราสังเกตเห็นหมาสีออกขาวๆ ตัวนึง หน้าตาเหมือนเพิ่งตื่น แบบกำลังสดชื่นเลย กำลังวิ่งออกมาจากบ้านที่อยู่ถัดจากไฟแดงไปสองสามหลัง วิ่งมาแบบหลั่นล้า แล้วหยุดกึก... มันเห็นเราละ... แล้วเราก็เห็นมันละ 


    ตามท้องเรื่อง ซีนนี้มันควรจะเป็นซีนที่ว่า หมาตัวนี้วิ่งไล่มอไซค์เรา แล้วเราขับหนีแบบ ยกขาขึ้นข้างบน กันมันงับ... แต่ไม่ใช่วันนี้ วันที่ไอ้แตกำลังเครียด! หมามันยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน ทำตัวเกร็งคอตั้งๆ มองตรงมาทางมอไซค์เรา เรารู้ว่ามันคิดจะทำอะไร มึงจะวิ่งไล่กูเหมือนเคยใช่มั้ยอีหมา ด๊ายยยยยย!! เดี๋ยวมึงเจอกู!!!



    เราค่อยๆ ออกตัวพุ่งรถข้าผ่านสี่แยกออกไป ในขณะที่อีหมานั่น มันก็ค่อยๆ วิ่งเหยาะๆ ออกมา ยังจุดนัดพบเหมือนเคย แต่กูไม่ยอมให้มึงมาถึงซีนนั้นหรอก ไอ้แตที่ผ่านสี่แยกไฟแดงมาได้นิดหน่อย จอดรถกลางถนน 

    หมาหยุดยืน

    ไอ้แตวางรถลงบนพื้น

    หมาค่อยๆ เอียงคอมอง... (เอ๊ะ ซีนนี้มันไม่มีในบทนี่หว่า..)

    ไอ้แตเขวี้ยงกระเป๋าโน๊ตบุ๊คลงข้างทาง...

    หมาเริ่มถอยหลังไปตั้งหลัก...


    "มึงม๊าาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!" ตะโกนสุดเสียงพร้อมย่างสามขุมเข้าไปหาหมาสีขาวตัวนั้น...


    "วันนี้กูจะกัดกะมึง!!!!" 


    "กูไม่มีอะไรจะเสียแล้ว!!!!" 


    ไอ้แตยังเดินเข้าหาหมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหมาเห็นท่าไม่ค่อยดีก็ค่อยๆ ถอยร่นเข้าไปในบ้าน (คงคิดว่าท่าไม่ดีแล้วอีเจ๊นี่มันเอาจริงแน่)


    "อย่างมากพรุ่งนี้กูก็ไม่ไป Audit"... ไอ้แตเริ่มออกตัววิ่งพุ่งตรงไปทางหมา!!! กะกัดกะหมาแบบจริงจัง!!!



    แล้วหมา ก็ได้ทำหน้าที่ให้สมกับการเป็นหมาเป็นครั้งแรก ด้วยการใส่เกียร์หมา วิ่งหนีไอ้แตแบบหางจุกตูด...



    โดยมีเสียงหัวเราะไอ้แตไล่หลัง...


    ฮ่าๆๆๆๆ 


    หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยเห็นหมาตัวนั้นแล้วอะ ไม่รู้ว่ามันยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า


    ปล1. เรื่องเกิดมาหลายปีแล้ว แต่นึกขึ้นมากี่ทีก็อมยิ้มได้เสมอ เล่าให้ใครฟังก็ฮา 
    ปล2. จริงๆ ตอนนั้นเครียดมากนะ







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in