BGM : End Game by Taylor Swift (feat. Ed Sheeran & Future)
ทันทีที่ละสายตาจากข้อความของดงโฮไอ้เพื่อนยาก องซองอูถอนหายใจยาวๆ สองครั้งก่อนจะปิด เปลือกตาลงอย่างอ่อนล้าพร้อมกับเอนกายไปพิงโซฟาตัวเล็กที่อยู่ข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งมองไปยังร่างที่อยู่บนเตียงคนไข้
คังแดเนียล - คนรักเก่าของเขากำลังหลับไหลด้วยฤทธิ์ยาหลังจากที่หมอเข้ามาตรวจอีกรอบตอน 4 ทุ่ม ซองอูตัดสินใจหยิบเสื้อโค้ทสีน้ำตาลตัวหนาพร้อมกับค่อยๆขยับร่างสูงเพรียวไปที่ประตูอย่างเงียบเชียบเท่าที่จะทำได้
หลังจากตัดสินใจอยู่ชั่วขณะเขาก็เลือกทำตามเสียงหัวใจที่ร่ำร้องอยู่ข้างใน ระหว่างนั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟการ์เดอลียงที่ซึ่งชาวทริปบองชัวร์ปารีสที่เค้าทิ้งไว้กลางทางกลับมาถึงปารีส ซองอูถึงกับกัดฟันกรอด เค้าเลือกที่จะผิดคำพูดกับ “เด็กคนนั้น” ทั้งๆที่รับปากอย่างดิบดีว่าจะไปรับ ด้วยความโง่ของตัวเขาหรือด้วยความบ้าบอของอะไรก็ตามแต่
“พัคจีฮุน” ยังรอเขาอยู่ที่นั่น
ก้าวเท้ายาวออกจากแท็กซี่อย่างเร่งรีบ ไม่ลืมที่จะหันไปบอกคนขับเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า “แมซี โบคู” ซองอูสับขาอย่างรวดเร็วในช่วงเข้าใกล้วันคริสต์มาส ใช่ - วันคริสต์มาสที่ครอบครัวเพื่อนฝูง คนรัก ควรจะได้ร่วมดื่ม ฉลองกันอย่างอบอุ่น แต่สำหรับเขาและคนที่รอเขาอยู่ที่สถานีรถไฟแห่งนี้กลับตก อยู่ในวังวนบางอย่างที่ยังหาทางออกไม่ได้
สถานีการ์เดอลียงช่างกว้างขวางและหนาวเหน็บเหลือเกินในเวลาเช่นนี้ ซองอูกวาดตามองหาร่างเล็กว่าจะนั่งอยู่ที่ใดบ้าง ตอนนี้ยังอยู่ที่นี่หรือออกไปแล้ว เขาลองโทร.หาจีฮุนหลายรอบแต่ก็ไร้การตอบรับใดๆ
“โธ่เว้ย! รับสิจีฮุน” เค้าสบถเบาๆ
แน่ละ แม้แต่คำสบถของเขาก็ยังมีความสุภาพอยู่ในที องซองอูผู้ชายที่ใครๆก็ชื่นชมว่าเขาเรียนเก่ง ฉลาด นอบน้อม น่ารัก นิสัยดี แต่ในเวลานี้ทุกอย่างมันช่างตรงกันข้าม เขากลายเป็นผู้ชายที่รับปากและผิดคำพูดได้ง่ายๆ ความน่ารักที่เคยมีเขาไม่แน่ใจมันยังใช้กับจีฮุนได้ไหม ความเป็นคนนิสัยดีที่แม่คอยพร่ำสอนมาตลอด กลับกลายทำให้เขาเป็นผู้ชายที่โลเลและตัดสินใจไม่ได้ ความดีที่เขาไม่กล้าทิ้ง ให้ แดเนียลนอนป่วยอย่างเดียวดายในเมืองใหญ่ในยุโรปแห่งนี้มันกลับย้อนมาทำลายความรักครั้งใหม่ ที่เขาตั้งใจว่าจะเริ่มต้นกับคนใหม่...คนที่เขากำลังตามหานี่ยังไงล่ะ
เดินวนอยู่สามรอบจนร่างสูงบางเริ่มหอบเล็กน้อย ไม่ใช่เขาไม่แข็งแรง แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาแทบ ไม่ได้นอนเต็มตื่นเลย ทั้งห่วงอาการของ “คนรักเก่า” และห่วงใครบางคนที่เขาทิ้งมากลางคัน ระหว่างคิดคำนึงพลันสายตาก็ไปปะทะกับร่างเล็กที่นั่งอยู่เก้าอี้ยาวในมุมมืด มีกระเป๋าเดินทางขนาดกลางวางอยู่ระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้าง ร่างบางก้มหน้างุดไม่ยอมสบสายตาใคร
“จีฮุน!!!” ซองอูตะโกนไปจนสุดเสียงถึงขั้นที่ทำให้พ่อหนุ่มปารีเซียงที่เดินสวนมาหยุดกึกมองมาที่เขา แต่ ณ ขณะนั้นต่อให้สายตากี่คู่มองมาก็เขาก็ไม่แคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาสายตาแดงก่ำที่มองมาที่เขาด้วยท่าทีร้อนรน
“พี่อ๋ง” เสียงแผ่วหลุดออกมาจากหนุ่มน้อยที่นั่งทำไหล่ตกท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
ซองอูหย่อนตัวลงบนที่นั่งข้างๆจีฮุนก่อนจะเอ่ยอออกมาด้วยน้ำเสียงแหบโหย
“ทำไม?”
“นี่เรานั่งอยู่ที่นี่ตั้งแต่สามทุ่ม ตั้งแต่ที่คุยกันน่ะเหรอ”
“อืม” มีเพียงแค่คำสั้นๆที่หลุดออกมาจากปากจีฮุนเป็นคำที่ซองอูเกลียดชะมัดเพราะมันช่างดูเฉยชาและดูไม่แยแส แต่เขาเองก็เลือกใช้มันบ่อยครั้ง
“ครับ” จีฮุนไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีกว่านี้ในภาวะที่เขาเองนั่งรอชายที่เพิ่งนั่งข้างๆมาเกือบสามชั่วโมง รอทั้งๆที่ “เขา” บอกว่าคงมาไม่ได้แล้ว อันที่จริงจะบอกว่ารอองซองอูก็ไม่เชิง หากแต่เมื่อได้รับข่าวร้ายว่าตนเองกำลังจะถูก “เลย์ออฟ” จากบริษัทมันยิ่งตอกย้ำว่า คนอย่างพัคจีฮุนนี่แหละที่โลกลืม คนอย่างพัคจีฮุนไม่สมควรมีหน้าออกไปแช่มชื่นฉลองใดๆในบรรยากาศและเทศกาลคริสต์มาสที่ควรจะสุขสันต์เช่นนี้
“พี่ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” ซองอูละล่ำละลักขอโทษ สายตาคู่ที่เขาชมว่าช่างงามกว่าดาวดวงใดๆในโลกนี้แดงก่ำ ปากเม้มพยายามระงับอาการสั่นระริก มือเล็กเหมือนมือเด็กน้อยที่เขาพยายามเอื้อมจับสั่นสะท้าน ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยออกมาอย่างยากเย็นว่า
“พี่...เมอร์รี่คริสต์มาส ขอบคุณที่มานะ”
“เราคิดว่า...พี่ต้องมา”
“เท่านี้แหละ แค่นี้เราก็โอเคแล้ว” จีฮุนพยายามรวบรวมสติบอกองซองอูไปอย่างนั้นทั้งๆที่ใจเจ้าตัว มันไม่โอเคเลยสักนิดไม่เลย...ไม่สักนิดเดียว
“จีฮุนหมายความว่ายังไง” ซองอูไม่เข้าใจในสิ่งที่จีฮุนต้องการจะสื่อแต่ชายหนุ่มร่างเล็กกลับตัดบทเขาด้วยการอ้างถึงการที่ดงโฮโทร.มาตามให้กลับก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับดึงด้ามจับกระเป๋าขึ้นมาในท่าที่พร้อมจะเดินออกไปจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้
“พี่กลับไปอยู่ในที่ที่พี่ควรจะอยู่เถอะเรากลับเองได้”
จีฮุนพูดเสร็จก็ฉีกตัวเดินหนีองซองอูอย่างไม่ใยดี
ซองสับเท้าตามอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงตัวจีฮุนก็ถือวิสาสะดึงมือน้อยๆนั้นไว้
“หมายความว่ายังไง ไม่เอานะ อย่าเป็นแบบนี้สิ”
“มาคุยกันก่อนนะจีฮุน” ซองอูอ้อนวอน
“พี่อ๋ง เราว่า...เราไม่ไหวแล้วพี่”
“เราคิดว่า เราคงไม่ใช่ทั้งปัจจุบันและอนาคตของพี่แล้วล่ะ”
เหมือนฟ้าฟาดตรงกลางใจซองอู จีฮุนเดินจากไปพร้อมกับอาการมึนชาของเขา เขายืนบื้ออยู่ชั่วขณะก่อนที่จะวิ่งตามร่างคุ้นตาไปยังแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีรู้ตัวอีกทีเขาและจีฮุนก็อยู่หน้าโรงแรมเสียแล้ว
“ขอบคุณนะจีฮุนที่อย่างน้อยก็ให้พี่มาส่ง” ซองอูพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
“วันนี้ไม่ต้องคิดอะไรแล้วนะ พักผ่อนดีกว่าดูสิหน้าเราไม่ไหวแล้ว” เขาฝืนยิ้มและแค่นหัวเราะออกมา มันช่างดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ในเมื่อคนข้างหน้าเขาทำหน้าเฉยชาบรรยากาศเงียบและดูอึดอัดจนเขาต้องถอนหายใจอีกครั้ง เจ้าของดวงตาหวานที่ขณะนี้แปรสภาพเป็นแดงก่ำเปล่งเสียงออกมาทำลายความเงียบงัน
“พี่กลับเหอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว แล้วค่อยคุยกันนะ”
“ถ้าเราพร้อม เราจะบอก” เสียงแหบแห้งแกมสั่นเล็กน้อยถูกเปล่งออกมาพร้อมๆกับที่เจ้าตัวดึงกระเป๋าเดินทางจากมือเขาแล้วเดินก้มหน้าเดินเข้าล็อบบี้โรงแรมไปอย่างเงียบหงอย
ก่อนที่ซองอูจะเรียกแท็กซี่กลับโรงแรม คืนนี้เขารู้สึกว่าปารีสช่างเงียบเหงาและอากาศที่เกือบติดลบของที่นี่ช่างเยือกเย็นเสียดแทงทั้งกายและใจอย่างร้ายกาจ
----------------
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะรุ่งสางเข้าสู่เช้าวันคริสต์มาสแล้ว แต่องซองอูก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เมื่อคืนนี้เขาไม่ได้กลับไปโรงพยาบาล หากแต่หลังจากส่งเด็กคนนั้นเรียบร้อยเขาเลือกจะกลับมาฝังตัวที่โรงแรมใกล้โรงพยาบาลแทน ด้วยความเป็นหมอที่ห่วงคนไข้-คนไข้จอมเกเรอย่างคังแดเนียล หรือด้วยความเป็นเพื่อน เป็นแฟนเก่าก็ไม่อาจทราบได้ ก่อนออกมาเขามั่นใจว่าได้ฝากฝังให้พยาบาลที่อยู่เวรคอยดูแล และย้ำว่าหากมีอะไรให้โทร.หาได้ตลอดเวลา สายใยระหว่างเขากับคนที่นอนป่วยอยู่มันลึกซึ้งเกินกว่าใครจะเข้าใจ
ในเวลานี้ซองอูไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะเป็นคนไข้รายใหม่ของโลกใบนี้หรือเปล่า ตอนนี้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเป็นไข้ใจไปเสียแล้ว - ใจที่มันไม่คิดว่าจะรักใครได้อีกแล้ว ทว่าตอนนี้มันร้อนรนและเต้นเป็นจังหวะผิดแปลกประหลาดเหลือเกิน วิชาชีววิทยาที่เขาเคยสอบได้ 95 จากคะแนนเต็มร้อยตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันช่วยอะไรเขาตอนนี้ไม่ได้เลย ความเป็นลูกคนดีคนเก่งของแม่คุณนายบ้านสวนแห่งเมืองนนท์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด
ท่ามกลางความมืดมิดร่างสูงหยิบแว่นที่วางข้างเตียงขึ้นมาใส่ ใครๆมักบอกว่าถ้าคุณหมออ๋งใส่แว่นความหล่อจะลดลง 10% แต่ความน่ารักจะเพิ่มขึ้น 50% นั่นเป็นเสียงจากสาวๆที่โรงพยาบาลแต่สำหรับจีฮุนนั้น เขายังไม่เคยได้ยินเจ้าก้อนติชมใดๆ ทั้งที่ก่อนที่วีวี่จะบินตามมาสมทบ ที่โรงแรมเขาก็เคยใส่แว่นก่อนนอนให้เจ้าก้อนของเขาดูอยู่บ่อยๆ น่าแปลกที่ไอ้ดงโฮเรียกจีฮุนว่าตัวเล็ก เขาขำแทบบ้า จีฮุนในสายตาองซองอูเป็นเจ้าก้อนอ้วนกลม แก้มสองข้างนั้นมักจะพองลมเวลาที่โดนเขาล้อเลียน จีฮุนทำให้องซองอูคนคนบ้าคนเก่ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ซองอูคนที่เขาไม่คิดว่าจะกลับมาได้อีก
เขายังจำวันคืนที่โหดร้ายได้ดี วันที่เขาและเดเนียลตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าแม้จะรักกันแต่ความรักก็ไม่ใช่ทุกอย่างของโลกใบนี้ เช้าวันหนึ่งทั้งคู่ตัดสินใจไปพบจิตแพทย์โรงพยาบาลชื่อดังแถวสีลมจากคำแนะนำของเพื่อนหมอด้วยกัน เขากับแดเนียลเข้าไปนั่งในห้อง “คลายเครียด” ซึ่งเป็นขั้นแรกในการรักษาของแผนกจิตเวช คุณหมอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนถึงปัญหาที่เราพบ หลังจากนั้นน้ำตาของแดเนียลและเขาเองก็ไหลไม่หยุดเหมือนทำนบเขื่อนพัง การนั่งร้องไห้เป็นชั่วโมงพร้อมหัวใจที่เจ็บปวดอาจจะเป็นคำตอบของความรักครั้งนั้นก็ได้
แม้ในคืนนี้มันจะไม่ได้สาหัสแบบคืนวันเก่าๆ มันเป็นความเจ็บที่เขารู้สึกว่าเขายังมีโอกาสแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่เขาก็รู้สึกปวดหนึบๆที่หัวใจไม่น้อย เขาก้าวลงจากเตียงนอนนุ่มเปิดตู้เย็นขนาดเล็กกะทัดรัดหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะผละไปค้นกล่องเล็กในกระเป๋าเดินทาง นี่เป็นเครื่องบันทึกเสียงหรือที่จีฮุนเรียกประจำว่า “เรคคอร์ดเดอร์”
จีฮุนมักจะพกอุปกรณ์ชิ้นนี้ติดตัวเป็นประจำ
“พี่อ๋งรู้มั้ยว่านักข่าวอย่างเราขาดไม่ได้หรอกไอ้เจ้านี่อะ” นัยน์ตาเป็นประกายทุกครั้งที่ได้พูดถึงอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับงานที่เจ้าตัวรักนักรักหนา
เขาหลงรักรอยยิ้มชื่นและแววตานั้นทุกครั้ง
“ใช้มือถือบันทึกก็ได้นี่” เขาจำได้ว่าบอกไปยังงั้น
“เหมือนกันที่ไหนเล่าาาา คุณหมออออออ” เวลาที่จีฮุนลากเสียงแล้วทำหน้าค้อนเขา จะบอกยังไงดีนะ ว่า - มันช่างน่ารัก - น่ารักเป็นบ้าเลย
เรคคอร์ดเดอร์ยี่ห้อดังจากญี่ปุ่น สีบรอนซ์เงินที่เขาตั้งใจจะซื้อให้จีฮุนเป็นของขวัญถูกจับขึ้นมากดบันทึกถึงเรื่องราวที่เขาตั้งใจจะบอกจีฮุนด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อจังหวะและโอกาสไม่อำนวยเขาจึงต้องเปลี่ยนมาใช้เจ้านี่เป็นสื่อกลาง องซองอูพูดไปเรื่อยๆในความเงียบ เขาสาธยายถึงเรื่องรักครั้งเก่าและบางความรู้สึกที่ต้องเน้นย้ำให้จีฮุนรู้ว่า
“องซองอูเลือกพัคจีฮุน”
ข้อความเสียงที่ส่งถึงจีฮุนแม้จะไม่ยาวนักแต่เขาเชื่อว่ามันเป็นความรู้สึกที่กลั่นมาจากใจ เขานั่งนิ่งๆ พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจแต่งตัวแล้วออกไปที่โรงแรมที่จีฮุนพัก ฝากของไว้ที่รีเซฟชั่นตอนตี 5 ลงท้ายชื่อคนฝากว่า Mr.O
เขาหวังว่าจีฮุนคงไม่ขว้างมันทิ้งลงถังขยะหรอกนะ...เขาหวังอย่างนั้น
หลังฝากของเสร็จเรียบร้อยออกจากโรงแรมเขาก็ตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาล เปิดประตูห้องของคนไข้คังเขาไปอย่างเงียบๆแล้วผล็อยหลับไปอย่างอ่อนแรงก่อนจะตื่นในช่วงสายเพราะพยาบาลเข้ามาเช็คอาการของแดเนียล
“นอนต่อก็ได้นะ” แดเนียลบอกเขา
“อืมม ไม่เป็นไร ตื่นแล้ว” ซองอูตอบคนไข้ร่างโตที่ผมเผ้ากระเซิง
“หวีผมหน่อยมั้ย”
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย วันคริสต์มาสเดี๋ยวกูออกไปซื้อมาให้” ความอาทรที่ยังมีให้เสมอแม้ทุกวันนี้จะเปลี่ยนสถานะไปแล้ว
“อยากอยู่กับคุณ...เอ่อ กับมึงก็พอ” เขาอยากจะดุแดเนียลเหลือกัน แต่ในยามนี้เมื่อหันไปมองหน้าที่เคยสดใสแต่เวลานี้เมื่อถูกโรคคุกคามกลับเปลี่ยนเป็นซูบตอบ
เขาก็ได้แต่นิ่งแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“แต่มึงคงไม่อยากอยู่กับกูหรอก จริงมั้ย” น้ำเสียงแดเนียลตอนนี้ช่างดูอ่อนล้าและเหงาเกินทน
เขาไม่ตอบอะไร ก่อนจะลุกออกไปข้างนอก ใช่---ในห้องคนไข้คังตอนนี้ช่างอึดอัดและเจ็บปวดเหลือเกิน
หลังจากจัดการธุระเรื่องเอกสารและความคืบหน้าอาการของคังแดเนียล ดงโฮเพื่อนรักก็มาเยี่ยมแม้การมาของชายร่างโตเพื่อนยากคนนี้จะมาพร้อมหมัดหนักที่ซัดโถม
“ไอ้อ๋ง มึงยืนอยู่ตรงนั้นแหละ กูต้องซัดมึง”
ผมนิ่ง สบสายตาไอ้เพื่อนยากก็พอจะรู้ว่าจะต้องทำยังไง
“อืม เอาเลย”
“มึงแน่ใจนะ” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบหมัดหนักๆก็พุ่งมาตะบันหน้าที่มีรูปดาวสามดวงเต็มๆ
“อั่ก!”
“ไอ้เชี่ย!! นี่หมัดสำหรับน้องกู”
ชุลมุนอยู่ชั่วครู่พยาบาลที่เห็นเหตุการณ์รีบเข้ามาห้ามส่งเสียงโวยวายก่อนที่ดงโฮจะร่ายภาษาฝรั่งเศสอธิบายว่าไม่มีอะไร แค่เพื่อนหยอกกัน หยอกแรงนะมึง! องซองอูค่อนขอดในใจ
หลังจากเยี่ยมแดเนียลเรียบร้อยดงโฮก็จากไปพร้อมกับข่าวของจีฮุนที่โดนเลย์ออฟจากที่ทำงาน ทันที ที่รู้ ใจอุณหภูมิสงบมาได้สักหน่อยก็เริ่มกลับมารุ่มร้อนอีกครั้ง เขาอยากจะโทร.หาจีฮุน อยากจะบอกน้องว่า
“ไม่เป็นไร ถึงตกงานก็หาใหม่ได้ จีฮุนเป็นคนเก่งจะตาย” นั่นคงเป็นคำพูดปลอบใจโง่ๆที่เค้าคิดได้
แต่ในช่วงเวลาแบบนี้เวลาที่เขายังไม่แน่ใจว่าน้องจีฮุนคนเก่งของเขาจะฟังคลิปเสียงที่เขาส่งให้ หรือยังนะ ฟังแล้วจะรู้สึกยังไง หรือจริงๆน้องอาจจะยังไม่มีอารมณ์ฟังก็เป็นได้
เขาเดินๆนั่งๆนอนๆในโรงพยาบาลทั้งวัน เห็นบรรยากาศที่ผู้คนไข้ คุณหมอและพยาบาลสังสรรค์กันเล็กๆตามที่สังขารและสถานที่จะอำนวย บรรยากาศดูอบอุ่นแบบแปลกๆ
ช่วงค่ำของวันคริสต์มาสเหงาๆและป่วยๆแบบนี้ แดเนียลนั่งดูการ์ตูนจากไอแพด รอยยิ้มน้อยๆเริ่มกลับมาบ้าง หลังจากท้อใจที่เดินไปแค่ 3 ก้าวแล้วขาไม่มีแรง ซองอูบอกแดเนียลว่าจะกลับไปโรงแรมอาบน้ำกับพักผ่อนสักหน่อยหน่อย แล้วดึกๆจะกลับมา
“ไปฉลองเหอะ กูนอนคนเดียวได้” เขาไม่แน่ใจว่าแดเนียลพูดไปด้วยความน้อยใจ หรือเป็นความต้องการจริงๆ
ซองอูไม่ได้ตอบอะไร หลังจากนั้นไม่นานก็เดินออกมาจากห้องอย่างเงียบๆ
ก่อนจะพ้นจากเขตโรงพยาบาลเสียงไลน์ก็เด้งขึ้น ไลน์จากพัคจีฮุน!
ซองอูกดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยมือที่สั่นเทา บ้าไปแล้ว! มือเขาสั่น
หลังจากอ่านข้อความจากแอพสีเขียวยอดฮิตนั่นแล้ว เขาแทบจะกระโดดตัวลอย รีบสาวเท้าไปร้านกาแฟแบบไม่คิดชีวิต
แต่ก่อนจะเข้าไปในร้าน...เขาไม่ลืมที่จะกดโทรศัพท์หาไลควานลินฝากฝังให้ไปดูแลแดเนียลแทนเพราะคืนนี้เขาคงไม่กลับไปโรงพยาบาลอีกแล้ว
น่าแปลกใจอีกเช่นเคย ในค่ำคืนคริสต์มาสแบบนี้แทนที่ควานลินจะอิดออดต่อคำร้องขอของเขาแต่กลับตอบรับอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวคืนนี้ผมดูแลพี่แดนเอง พี่อ๋งไปทำธุระของพี่เถอะ” เวลานี้องซองอูอยากกระโดดกอดไอ้หน้ายาวที่เขาเคยหมั่นไว้เสียเหลือเกิน
จีฮุนไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาและองซองอูในร้านกาแฟเป็นเรื่องจริงหรือฝันไป
แต่มันก็เกิดไปแล้ว ทั้งสองคนได้พูดในสิ่งที่ควรจะพูดกันเสียที ตอนที่จีฮุนบอกผู้ชายคนนี้ไปว่า อยากเป็นปัจจุบันและอนาคตของเขา อยากเป็นคนที่เขาเลือก แม้จะคิดอยู่นานว่าจะพูดดีหรือไม่แต่ในที่สุดก็พูดไป จีฮุนนึกดีใจที่ตัวเองไม่งี่เง่าเก็บความรู้สึกนั้นไว้แล้วอาจจะต้องมานั่งเพ้อเสียใจอยู่คนเดียวภายหลัง
วันที่องซองอูทิ้งเขาไว้ที่ลูเซิร์นเพราะต้องกลับมาดูแลอาการป่วยของคนรักเก่าอย่างคังแดเนียล เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าความรู้สึกนั้นมันช่างเบาหวิวและว่างโหวงเหลือทน
มันเหมือนจีฮุนแพ้คังแดเนียลแบบหมดรูป
เหมือนเป็นคนที่พี่องซองอู “ไม่ได้เลือก”
“เขาไม่เลือกเรา” มันเป็นความจริงที่แสนเศร้าเหลือเกิน
จีฮุนยังจำคืนที่เขาออกไปเดินชมสะพานชาร์เปลตอนตี 2 ได้ วีวี่เดินตามหลังอย่างห่วงๆ น้ำตาที่ไหลออกมาทุกระยะก้าวบ่งบอกถึงความอ่อนแอในจิตใจ จีฮุนพยายามกลั้นน้ำตาแล้วแต่มันทำไม่ได้
แม้องซองอูจะเข้ามาในชีวิตได้เพียงเดือนกว่าๆ แต่ความรู้สึกดีๆมันหยั่งรากลึกเกินกว่าใครจะคาดเดาได้
ชีวิตในวัย 27 หนาวที่ห่างหายจากเรื่องรักมานานเก้าปีถูกผู้ชายร่างสูงเพรียวเข้ามาเปิดประตูหัวใจ ทั้งปรึกษาเรื่องเดินทาง ชวนกันไปดูหนังฟังเพลงบ้างล่ะ บางคืนคุยกระหนุงกระหนิงถึงเช้าเลยทีเดียว บางครั้งผู้ชายคนนี้ก็กวนประสาทเป็นบ้า แต่บางวันก็มีบ้างที่จีฮุนเห็นประกายความเศร้าหงอยจาก ใบหน้าคมนั้น จีฮุนยอมรับว่าเขาเพิ่งจะเรียนรู้กันได้ไม่นานนัก บางเรื่องที่เขาควรรู้ก็เพิ่งมารู้ในตอนหลัง เขาพยายามจะเข้าใจซองอู แต่ถ้าหากซองอูไม่พูด จีฮุนจะเข้าใจได้อย่างไร
การที่เราหลงรักใครนับเป็นเรื่องพิเศษแล้ว แต่การที่เราหลงรักตัวเองเมื่อได้อยู่กับเขาเป็นเรื่องพิเศษกว่า จีฮุนรู้สึกแบบนี้ การได้เป็นน้องน้อยของพี่ดงโฮมันช่างแตกต่างกันสิ้นเชิงเมื่อเขาได้เป็นน้องน้อยของคุณหมออ๋ง ความรู้สึกอบอุ่นจากซองอูที่ถักทอรอบๆตัวและใจของจีฮุนมันช่างดีเหลือเกิน ดีจนจีฮุนก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเขาตัดสินใจปล่อยองซองอูไปแล้ว เขาจะหาคนแบบนี้ได้อีกที่ไหน
ค่ำคืนคริสต์มาสในปารีสมันช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน หลังออกจากร้านกาแฟพี่อ๋งที่แสนน่ารักของจีฮุน บอกว่า
“พี่ว่าคืนนี้ไปนอนโรงแรมที่พี่พักอยู่แล้วดีกว่า” น้ำเสียงนุ่มๆ แต่นัยน์ตากลับเจ้าเล่ห์ซะอย่างนั้น จีฮุน ไม่ปฏิเสธหรอกว่าในเวลานี้พี่อ๋งของเขาช่างหล่อและทรงเสน่ห์เกินจะต้านไหว
“อ่า ก็ได้” จีฮุนกลายเป็นคนแบบนี้เมื่อไร แล้วจะหน้าร้อนไปทำไม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นรูมเมทในช่วงต้นทริปมาแล้วนี่นา
มาถึงโรงแรมที่ซองอูพักในราวสามทุ่ม
หลังปิดประตูบานใหญ่ซองอูเดินไปกดสวิชต์ไฟและฮีทเตอร์ เขาถอดเสื้อโค้ทวางไว้ที่โซฟา ก่อนจะหันหน้ามามองจีฮุนแบบงงๆ
“จีฮุน ยืนอยู่ทำไมล่ะ”
“อ่า” จีฮุนกลายเป็นคนติดอ่างและบ้าใบ้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
เจ้าตัวยิ้มเขินๆก่อนจะหย่อนก้นลงโซฟาซบหมอนอิง ซองอูเดินไปล้างมือล้างหน้า ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ สองมือดึงหมอนอิงออก ก่อนจะกระชับกอดอีกร่างเบาๆทว่าอบอุ่นและแนบแน่น ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่างคนต่างนิ่งเงียบเสมือนให้หัวใจพูดคุยกันเอง จีฮุนรู้สึกว่ากอดครั้งนี้ไม่เหมือนกับกอดครั้งไหนๆ
“อุ่นจัง” เสียงอู้อี้จากเจ้าก้อน
“เหมือนกัน” ซองอูยิ้มทั้งปากและหน้า
“จะอาบน้ำมั้ย แต่จะไม่อาบก็ได้นะ หนาวจะตายอยู่แล้ว เหงื่อไม่มีหรอก พี่พิสูจน์แล้วหอมจะแย่” เขาว่ายังงั้น
“อาบสิ วันนี้ไปทำกับข้าวมากลิ่นอาหารติดตัวเลยเนี่ย”
จีฮุนลุกขึ้น ซองอูร้องไล่หลังตามว่า “อย่าอาบนานนะ...พี่เหงา”
องซองอูไม่เคยรู้เลยว่าความรักครั้งใหม่มันจะน่ารักและแสนหวานได้ขนาดนี้ ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดเขาเวลานี้มันสุดพิเศษเหลือเกิน เขาบอกจีฮุนว่าคำ "บางคำอย่าพูด" เพราะมันอันตรายต่อคนฟัง เหลือเกิน แต่จีฮุนก็ดูเหมือนเมินคำเตือนเขา
“พี่อ๋ง สรุปว่า....อ่า” จีฮุนพูดเบาๆจนแทบไม่ได้ยินอาจจะเพราะพูดในขณะที่ซุกอกเขาอยู่
“ว่าไงเอ่ย สรุปอะไรครับ” ซองอูรู้สึกน้ำเสียงเขาอ่อนโยนและหวานกว่าที่เคยเป็นมา
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างเหอะ”
“มีอะไร พูดมาเลยนะครับ”
“สรุปเราเป็นแฟนพี่แล้วใช่ป่าว”จีฮุนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคนี้ออกมา
หลังสิ้นเสียงของจีฮุน องซองอูก็ลืมตัวหลุดหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่
“หัวเราะทำไม!” ร่างเล็กทำหน้ายุ่งแล้วลุกขึ้นนั่งทำท่ากระเง้ากระงอด
“ก็นึกว่าเรื่องอะไร นี่ยังไม่มั่นใจอีกเหรอจีฮุน”
“ไม่ใช่ไม่มั่นใจแต่อยากยืนยันความสัมพันธ์ด้วยคำพูดด้วยอะ” จีฮุนทำหน้าจริงจัง
“โอเค จีฮุนเป็นแฟนพี่ พี่เป็นแฟนจีฮุน โอเคนะพี่คอนเฟิร์ม” ซองอูพูดพร้อมๆกับดึงจมูกโด่งของจีฮุนเล่นขยับซ้ายขวารัวๆก่อนที่จีฮุนจะปัดป้องด้วยสองมือน้อยๆ เขาก็คว้าร่างนั้นมากอดแน่นๆ อีกครั้ง ก่อนจะล้มลงบนเตียงนุ่มทั้งที่ตัวแนบชิดกันแบบนั้น
ซองอูดึงผ้าห่มมาคลุมร่างทั้งคู่ ความจริงเขาอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันจะใช่เวลาที่เหมาะที่ควรรึเปล่า มองดวงตาสุกใสที่ประจันหน้าแล้ว เขาต้องห้ามใจแค่ไหน คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
ซองอูตัดสินใจจูบลงที่หน้าผากจีฮุนเบาๆ ก่อนจะลัดเรื่อยลงมาแก้มป่องทั้งสองข้าง และลงท้ายที่ปากนุ่มๆ นั้น จังหวะที่ประทับรอยจูบลงบนกลีบปากสวยนั่น จีฮุนสะดุ้งนิดหนึ่ง และถ้าประสาทสัมผัสเขายังแม่นยำอยู่ก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นระริกเล็กน้อยที่ริมฝีปากบางนั้น
และ...ถ้าสายตาองซองอูจะเห็นอะไรๆชัดใสในความมืดได้ เขาก็คงจะเห็นรอยยิ้มน้อยๆของจีฮุน – จีฮุนแฟนขององซองอู นั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in