เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
หนังสือเก่าที่เราคิดถึง : สรรสาระ (Reader's digest)

  •      เราเคยเขียนเล่าถึงหนังสือขายหัวเราะ ซึ่งเป็นหนังสือที่เราเคยอ่านเมื่อยังเด็กไปแล้ว วันนี้ เราอยากจะเล่าถึงหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ที่เราชอบอ่านมากเช่นกันในระยะเวลาช่วงหนึ่ง เล่มนั้นก็คือ

         สรรสาระ หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Reader's Digest


         เราไม่แน่ใจว่าควรจัด สรรสาระ เป็นหนังสือประเภทไหน ที่แน่ๆ คือ ตอนที่เรายังอ่านอยู่นั้นน่ะ หนังสือเล่มนี้ออกเป็นรายเดือน เดือนละ 1 เล่ม ขนาดเล่มเท่ากับขายหัวเราะ แต่ราคาแพงกว่าหลายเท่า ขายหัวเราะเล่มละ 15 บาท ส่วนสรรสาระเล่มละ 110 บาท
         แพงเอาเรื่องเลยล่ะ!


         ในเล่มก็จะมีบทความหลายหลาก ทั้งบทสัมภาษณ์คนดังมั่ง ไม่ดังมั่ง(คือเราไม่รู้จัก), คำคม, ขำขัน ทั้งขำขันจากทางสรรสาระเอง และเรื่องเล่าชวนหัวที่เปิดโอกาสให้ทางบ้าน(ผู้อ่าน)ส่งเรื่องมา, บทความสาระเกี่ยวกับสุขภาพบ้าง วิทยาศาสตร์บ้าง การเมืองบ้าง ฯลฯ สลับกันไปตามแต่หัวข้อหลักของหนังสือ
         สาระเยอะมาก สมกับชื่อ สรรสาระ
      
         และก็สมกับชื่อ reader's digest คือ ย่อยสาระมาให้คนอ่านแล้วนั่นเอง
      
         สมัยยังเรียนจะมีหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจ คือคอลัมภ์ที่เป็นบทความสองภาษา ไทย-อังกฤษ อ่านภาษาไทยแล้วก็สลับไปอ่านภาษาอังกฤษ ได้ฝึกการอ่านและได้คำศัพท์ อ่อ มีเกมคำศัพท์ให้เล่นด้วย ปิดท้ายที่หน้าสุดท้ายด้วยสารพันเกม อย่างเล่มที่ถืออยู่ในมือนี่เป็น ซุโดกุ(sudoku) ที่เป็นตารางให้ใส่เลข 1-9 ให้ครบทุกช่องโดยเลขไม่ซ้ำกัน


         อ่านแล้วรู้สึกว่า หนังสือเล่มนี้อุดมไปด้วยสาระมากจริงๆ แต่ละเล่มจะต้องมีอย่างน้อยเรื่องสองเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเกิดขึ้นในโลกใบนี้ ซึ่งมันไม่ได้สนุกแบบตลกโปกฮา แต่เป็นการอ่านเชิงเพิ่มความรู้รอบตัวและเพิ่มรอยหยักในสมองได้เป็นอย่างดี

         ซึ่งถูกจริตกับเรามากทีเดียว
      
         อ่อ ด้วยความที่เป็นหนังสือของต่างชาติ เรื่องที่ส่งมาจะมาจากผู้อ่านหลากหลายประเทศมาก เพราะฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่เจอว่ามีเรื่องที่ผู้ส่งเป็นคนไทย เราจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ


         เอาล่ะ ไหนๆก็ควานสรรสาระเจอหนึ่งเล่มแถวๆนี้ มาเหล่บทความในเล่มบางเรื่องกันดีกว่า...

         "ศาสตร์แห่งรัก.."

         ในเรื่องนี้เขาบอกว่ามี 12 วิธี ที่หากทำตามแล้วจะพบคู่แท้แน่นอน ซึ่งพออ่านแล้วก็รู้สึกว่า มันเหมือนวิธีทอดสะพานให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรามีใจ เฮ้อ แค่คนในใจยังหาไม่ได้ จะให้ไปอ่อยใครล่ะเนี่ย

         ถ้าภายในหนึ่งปีหาเจอจะมารีวิวอีกที แต่รับประกัน 1000% ว่า ไม่ได้ใช้วิธีในเล่ม...

         และหาไม่เจอแน่นอน!!!


         มาดูบทความกันอีกสักเรื่อง


         "สะพานเชื่อมใจ"

         เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งชื่อ โทนี่ ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่งในเมืองสาละวัน ประเทศลาว เพราะเล็งเห็นว่าสะพานเป็นสิ่งจำเป็น และเมื่อเดินเรื่องได้แล้ว ชาวลาวแถวๆนั้นก็มาร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือให้สะพานสำเร็จได้

         เยี่ยมไปเลย อนุโมทนาสาธุด้วย 

         อ่อ เล่มนี้มีบทสัมภาษณ์คุณบัณฑิต อึ้งรังสี ด้วยนะ


         นี่คือตัวอย่างบทความในเล่ม น่าสนใจ หลายหลาย และมีความนานาชาติดีไหม เล่มนี้ตั้งแต่ปี 2550 แล้วนะ แต่หลายเรื่องก็เหมือนจะอกาลิโก นั่นคือยังอ่านได้ไม่ว่าจะผ่านมานานเพียงใดก็ตาม


         หลังจากที่สมาชิกเราขาดลงเราก็ไม่ได้ต่อ และร้างลาจากการอ่านสรรสาระไปในที่สุด และเท่าที่ตามข่าวสาร ดูเหมือนว่า สรรสาระ จะหยุดวางแผงไปแล้วตั้งแต่ปี 2557 สาเหตุเพราะต้นสังกัดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเห็นว่า ยอดขายหนังสือเล่มนี้ในประเทศไทยทำกำไรได้ไม่เท่าประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศจีน จึงหยุดการผลิตในที่สุด (อ้างอิง : https://www.posttoday.com/ent/news/275919)

         อย่างไรก็ดี สำหรับเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ยังคงมีเว็บไซต์ของสรรสาระ หรือ reader's digest อยู่ นั่นคือเว็บไซต์ https://www.rd.com/ หากใครสนใจก็ลองแวะไปเยี่ยมชมได้นะ


         ถึงแม้ สรรสาระ จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงและเลิกราไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป แต่ความรู้สึกที่มีต่อหนังสือเล่มนี้ ยังคงเดิมเสมอ
      
         เราเชื่ออยู่เสมอว่า หนังสือนั้นมีความเป็น อกาลิโก อยู่ เพราะแม้เวลาจะผ่านไปสักเพียงใด เนื้อหาในหนังสือ ก็ยังทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินเมื่อเปิดอ่านได้อยู่ร่ำไป


         และ Reader's digest ก็มิใช่ข้อยกเว้นของความเชื่อนี้เช่นกัน...


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in