เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : สำนึกผิดวันละนิดจิตแจ่มใส
  •    
    ผู้เขียน : Ohtagaki Seiko
    ผู้แปล : ฤทัยวรรณ เกษสกุล
    สำนักพิมพ์ : เนชั่น เอดดูเทนเม้น จำกัด
    จำนวนหน้า : 128 หน้า
    ราคา : 150 บาท


         สวัสดีวันหยุดยาวค่ะคุณผู้อ่าน เผลอแป๊บเดียว วันหยุดก็ผ่านไปครึ่งทางซะแล้วนะคะ เฮ้อ ยังไม่อยากกลับไปทำงานเลย...
         ว่าแล้ว ก็ฮัมเพลง "หยุดต่อเลยได้ไหม อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป..." (ดัดแปลงมาจากเพลง อยู่ต่อเลยได้ไหม ของคุณสิงโตนำโชค) อยู่คนเดียว  
         ปล่อยเราเวิ่นเว้ออยู่ตรงนี้แหละ


         คิดอยู่นานมากว่า ช่วงว่างๆชิวๆนี้ ควรเล่าเรื่องหนังสือเล่มไหนดี ขอเลือกการ์ตูนเล่มนี้ละกัน


         คุณผู้อ่านเคยอ่านการ์ตูนไหมคะ?


         ขอสารภาพก่อน จริงๆหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ของเราหรอก เป็นของคุณแม่เรา เธอบอกว่ามันเป็นการ์ตูนดูอ่านง่ายไม่เครียดดี เลยซื้อมาอ่านเล่น
         ส่วนข้าพเจ้าผู้นิยมการครูพักลักจำ เห็นสื่อสิ่งพิมพ์ในบ้านที่น่าสนใจ ก็ยืมมาอ่านดูแก้เซ็ง

     
         ใช่ค่ะ หนังสือเล่มนี้ถูกถ่ายทอดเนื้อความโดยการบอกเล่าผ่านการ์ตูนเป็นช่องๆ ซึ่งคุณเซโกะ ผู้เขียนและวาด ได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองภายใต้รูปแบบแนวคิดว่า ควรจะสำนึกผิด จึงจะดี โดยการนำเรื่องราวของตัวเองมาเล่าเป็นการตูน ทีละตอนๆ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะแบ่งตอนย่อยตามสารบัญได้ทั้งสิ้น 25 ตอน บวกตอนท้ายสุดที่ชื่อว่า "สำนึกผิดส่งท้าย"


         ณ ตอนเกริ่นนำ เธอได้เขียนไว้ช่วงหนึ่งว่า ชีวิตของเธอนั้นมีเรื่องให้สำนึกผิดมากมายนับไม่ถ้วน ที่เลือกๆมาลงเนี่ย เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เด็ดๆเท่านั้น แปลได้ว่า จริงๆแล้วคงมีเรื่องมีราวอะไรอีกมากมายเกี่ยวกับตัวเธอ ที่เราไม่รู้

         แต่ก็นะ ใครบ้างไม่เป็นเช่นนั้น
      
         ใช้ชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ทุกคนย่อมเคยทำผิด ทำพลาด ทำพัง เอามือกุมหัว ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ฯลฯ กันมาบ้างแล้วทั้งนั้นแหละ
         เว้นแต่คุณเป็น Mr. หรือ Ms. Perfect จริงๆ แต่ถามจริงๆนะ ไม่เคยทำผิดพลาดจริงๆน่ะเหรอ


         เมื่อคิดได้ดังนั้น พออ่านเรื่องที่เธอเล่าก็พยักหน้าตามไปอย่างเข้าใจ อาจจะไม่ได้เข้าใจแบบ เออ เหมือนเป๊ะทั้งหมด แต่มันก็มีแง่มุมที่สามารถมองสะท้อนกลับมายังตนเองได้

         เช่น มีช่วงหนึ่งที่คุณเซโกะเธอเลือกวิธีลดน้ำหนักด้วยการเต้นฮูลาฮูป แล้วสุดท้ายก็เลิก อ่านแล้วก็ เอ้อ มีช่วงหนึ่งที่เราฮิตเต้นฮูลาฮูปอยู่เหมือนกัน มันเป็นการออกกำลังที่ไม่ต้องไปไหนมาไหนดีนะ 555 แล้วก็ ได้เหงื่อพอสมควรเลยล่ะ แถมช่วงนั้นไปหาข้อมูลแล้วรู้มาว่า การเต้นฮูลาฮูปประจำจะทำให้มีเอวคอดสวย ก็เลยฮิตอยู่พักใหญ่
         แต่สุดท้ายก็เบื่อ เหมือนคุณเซโกะเลย 555

         แต่ก็มีจุดที่อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจในการกระทำของเธอเหมือนกันนะ เช่น ตอนที่เธอเขียนว่า เธอเข้าหอลงโรงแบบ คิดปุบปับกับแฟนแล้วแต่งงานเลย คือ เรารู้สึกว่า การใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน มัน มันควรมีการวางแผนและมีระยะเวลาในการตัดสินใจสักหน่อย แต่เท่าที่อ่าน ก็ดูเหมือนเธอจะมีความสุขดีกับสิ่งที่เลือกนะ
         ก็ดีใจกับเธอด้วย... ปล่อยยัยคนอ่านจอมมากเรื่องอยู่บนคานต่อไปนั่นแหละดี
      

         โดยภาพรวม นี่เป็นหนังสือที่ค่อนข้างจะเบาสมองค่ะ คงเพราะรูปเล่มและการถ่ายทอดเป็นรูปแบบการ์ตูน แถมยังสี่สีทั้งเล่ม ทำให้สามารถเปิดๆดูได้อย่างเพลินๆ และด้วยความเป็นการ์ตูนเองทำให้ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูจะเป็นการผ่อนคลายไปเสียหมด(ความเห็นส่วนตัวนะ)
         แต่แม้จะบอกว่าเป็นการ์ตูน คุณเซโกะเธอก็ใส่เนื้อหามาพอสมควรเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นการวางเนื้อหาไว้มุมหนึ่งของหน้ากระดาษเบียดการ์ตูนสามถึงสี่ช่องของตัวเอง หรือแม้แต่แทรกสอดเรื่องที่ต้องการสื่อสารลงไปในช่องการ์ตูนของเธอโดยตรง

         ถามว่าได้สาระอะไรยังไงเป็นกิจจะลักษณะไหม เอาเป็นว่า เหมือนได้อ่านแล้วย้อนดูตัวเองเสียมากกว่า จะว่าไปก็มีเหมือนกันที่อ่านแล้วคิดตามไปว่า เออ เราก็ไม่ควรเอาอย่างคุณเซโกะในเรื่อง... แฮะ


         หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนชอบการ์ตูนและชอบอ่านสาระแบบเบาสมองค่ะ บางทีหนังสือก็ไม่จำต้องมีแต่ตัวหนังสือเป็นพืดเสมอไป จริงไหมคะ?

         เกือบลืมบอก เนื่องจากคนเขียน/วาด เป็นชาวญี่ปุ่น รูปแบบหนังสือจึงเป็นแบบหนังสือญี่ปุ่น กล่าวคือ เรียงหน้ากระดาษตรงกันข้ามกับหนังสือไทย (ตอนแรกจะบอกทิศ คิดไปคิดมาก็งงเองว่ามันคือซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย เอาเป็นว่ามันตรงข้ามกะหนังสือไทยทั่วไปละกัน) นะคะ 
      

         ส่วนถ้าจะถามว่า เราควรสำนึกผิดดีไหม? ถ้าตอบตามความเชื่อเรา ก็ต้องตอบว่า ดีค่ะ ถ้าสำนึกแล้วปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แต่สำนึกแล้วควรปล่อยวางให้ได้ แค่เก็บไว้เป็นบทเรียนสอนใจ อย่าเก็บเอามาย้ำคิดย้ำทำซ้ำๆจนถึงขั้นลงโทษตัวเองทำให้โรคประสาทรับประทานนะคะ ไม่คุ้มกันเลย


         สนใจก็ลองเปิดอ่านดูจากร้านหนังสือแถวบ้านได้นะคะ สวัสดีค่ะ


          ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in