เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : ตะลุยสวรรค์
  • ผู้เขียน : แก้วธารา
    สำนักพิมพ์ : ปราชญ์
    จำนวนหน้า : 240 หน้า
    ราคา : 190 บาท


          หลังจากอ่านหนังสือ "ท่องนรกสวรรค์กับสามเณรพาหุง" ไปแล้ว ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสวรรค์ก็ยังไม่หายไป และโบราณว่าตีเหล็กต้องตีตอนกำลังร้อนๆ จึงตัดสินใจอ่านหนังสือที่กล่าวถึงสวรรค์อีกหนึ่งเล่ม นั่นคือ ตะลุยสวรรค์


         หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงสวรรค์โดยไม่เกี่ยวกับนรก การเขียนจะเป็นการเล่าเรื่องโดยอิงจากพระไตรปิฎกเป็นหลัก เล่าถึงสาระของความเป็นเทวดาทั้งหลาย สภาพของสวรรค์ทั้งหกชั้นว่าเป็นอย่างไร ทำเช่นไรจึงจะสามารถขึ้นมาเป็นสหายของชาวสวรรค์แต่ละชั้นได้ ซึ่งในแต่ละชั้นรายละเอียดจะไม่เท่ากัน สวรรค์ชั้นที่มีเนื้อหามากที่สุดนั้นคือชั้นหนึ่ง หรือชั้นจาตุมหาราชิกา เหตุผลอาจเพราะสวรรค์ชั้นนี้มีเทวดาแบ่งได้เป็นประเภทถึงสี่ประเภทด้วยกัน แลยังมีเทวดาอีกกลุ่มหนึ่งอีกที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจาตุมหาราชิกา แต่ไม่เข้ากับทั้งสี่กลุ่มนี้เลย ส่วนสวรรค์ชั้นที่รายละเอียดน้อยที่สุดนั้นคือชั้นที่สาม หรือชั้นยามาภูมิ ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดรายละเอียดจึงน้อยเพียงนั้น
      

         เป็นหนังสือที่อ่านแล้วพูดมากเป็นประวัติกาล คืออ่านไปก็วิจารณ์ตามไปเรื่อย ทำประหนึ่งว่าหนังสือเป็นบุคคลที่เข้าใจและสื่อสารตอบด้วยได้ฉะนั้น และด้วยหนังสือไม่ตอบโต้ประการใด จึงคิดเองเออเองว่าหนังสือพยักหน้าหงึกๆกับคำวิจารณ์ไปด้วยโดยอนุโลม
         เอาสิ่งที่พูดๆไปขณะอ่านมายกตัวอย่างให้ดู
    - จริงๆเราก็เป็นวิทยาธรได้อยู่ เรามีความรู้ทางโหราศาตร์ (วิทยาธรคือเทวดาประเภท คนธรรพ์)
    - ทำบุญเจือโทสะ หุหุ ถ้าขึ้นสวรรค์ชั้นนี้ได้ ตรูคงเป็นยักษ์ (ยักษ์ที่ว่านี้เป็นเทวดาประเภทหนึ่งในชั้นจาตุฯ อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของท้าวเวสสุวรรณ)
    - ครุฑบินได้ นาคมีพิษและอยู่ในน้ำ ถ้าเอาครุฑกับนาคผสมกันได้คือเพอร์เฟค!!! (ครุฑและนาคต่างเป็นเทวดาชั้นจาตุฯทั้งคู่ แต่คนละประเภท)
    - อายุขัยชั้นจาตุฯคือ 9 ล้านปีมนุษย์ คุณพระ เป็นเทวดาจนหมดบุญแล้วเพิ่งเท่ากับใช้กรรมในนรกวันเดียวเอง
    - ทำบุญเพราะเห็นว่าบุญเป็นสิ่งดีงาม เออ ความคิดเวลาทำบุญเราก็สอดคล้องกับชั้นดาวดึงส์อยู่นะ
    - หนังสือบอกว่าอายุในชั้นดุสิตนั้นไม่มากไม่น้อยไป อยู่ในชั้นยามา 144 ล้านปีมนุษย์นี่คือน้อยไป เออ..เอาเหอะ มันคงเป็นเรื่องที่มนุษย์ตัวน้อยอายุไม่ถึงร้อยปี...ไม่เข้าใจ
         และอื่นๆอีกมากมาย เชื่อว่ามีคนคิดว่าโชคดีแค่ไหนที่ตนเองไม่ได้อยู่ข้างๆตอนที่ยัยคนเขียนอ่านหนังสือเล่มนี้


         สิ่งที่ขัดใจที่สุดของการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือการที่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้อธิบายถึงเทวมาร หรือเทวดาที่เป็นมารในสวรรค์ชั้นหก หรือชั้นปรนิมมิตวสวัตตี เนื่องจากอยากรู้รายละเอียดมานานมากว่า เหตุใดในสวรรค์จึงยังมีมารได้ แล้วที่ชั้นนี้แบ่งการปกครองเป็นสองกลุ่มคือเทวดา กับเทวมาร นั้น มีรายละเอียดและความเป็นมาเป็นไปอย่างไร เฮ้อ ต้องหาข้อมูลจากไหนเนี่ย หรือต้องซื้อพระไตรปิฎกมาอ่านหว่า???
      
         หนังสือเล่มนี้มิได้บอกว่าตนเองอยู่ในหมวดใด แต่เดาเอาเองว่าคงอยู่หมวดพระพุทธศาสนาเพราะเขียนขึ้นโดยอิงจากพระไตรปิฎกเป็นสำคัญ และที่เขียนขึ้นนั้นก็คงเป็นกุศโลบายเพื่อชักชวนให้ผู้อ่านคิดดี พูดดี และทำดี และรักษาสติความคิดดีให้ได้จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะจิตที่เป็นกุศลได้เท่านั้นจึงคู่ควรกับสวรรคภูมิเมื่อลาจากความเป็นมนุษย์ไป ทั้งยังย้ำให้เห็นว่า แม้เป็นสวรรค์ก็มิใช่เป็นจุดหมายท้ายสุด ด้วยยังคงอยู่ในสังสาราวัฏที่มีหมดอายุขัยและต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่เฉกเช่นเดียวกับความเป็นมนุษย์ เพียงแต่การเสวยชาติเทวดานั้นมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายกว่าความเป็นอยู่ของมนุษย์หรือภพภูมิที่ต่ำกว่านั้น แต่แม้จะเป็นชีวิตที่สุขและยาวนานสักเพียงใด จะล้านปี ร้อยล้านปี หรือพันล้านปี ก็ย่อมมีวันสิ้นสุดเช่นกัน

         มีภพเดียวเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์ นั่นคือ นิพพาน

      
         แต่..พูดก็พูดเถอะ ในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้า และพุทธสาวก อันเอื้อให้การฟังธรรมเป็นที่แพร่หลายเนี่ย มันไม่ใช่ว่าฟังธรรมครั้งสองครั้งแล้วผู้คนจะบรรลุโสดาบัน อันเป็นบันไดขั้นแรกของการนิพพาน ได้ง่ายๆที่ไหนกัน! แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่นั่งสมาธิแล้วจะเป็นสมาธิ ได้ฌานโน่นนี่นั่นจนสามารถเข้าถึงสหายแห่งพรหม ซึ่งอยู่สูงกว่าสวรรค์ได้ คือหากทำจริงๆคงมีคนทำได้ แต่มันไม่ง่ายแบบที่อ่านๆกันในสิ่งที่เกิดขึ้นสมัยพุทธกาล
         คงจะมีเพียงแรงบันดาลใจในการทำตนเองให้ขึ้นสวรรค์ให้ได้ และหากจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง คงจะเป็นการเขียนว่า อายุขัย 1 อายุขัยของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา เท่ากับเวลาเพียง 1 วันในนรกชั้นสัญชีพฯ เอาไปแปะไว้ฝาบ้าน เพื่อเตือนใจในการดำรงชีวิตต่อไป
       
         ทำได้แค่นั้นจริงๆ 


         สวัสดีวันสิ้นปีนะคะคุณผู้อ่าน หลังจากวันนี้ไปก็จะเข้าศักราชใหม่ ปี ๒๕๖๕ แล้ว ขออาราธนาคุณศรีพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก จงดลบันดาลให้คุณผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง พบแต่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เจริญก้าวหน้าในการทำงาน ได้ครอบครองสิ่งที่อยากครอบครอง ได้เจอคนที่อยากเจอ ได้ไปที่ๆอยากไป คิดสิ่งใดก็สมหวัง และมีความสุขมากๆนะคะ 
         สวัสดีปีใหม่(ล่วงหน้า) ค่า ^o^ 


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html

         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in