หลายคนก็คงคาดหวังว่าจะเข้าไปดูนาทีเสี่ยงตายของคนจำนวน 155 คนใช่มั้ยล่ะ!?

พอถึงตรงนี้ก็งงดิ? อ้าว? แล้วมันจะไปมีอะไรระทึกใจกว่านั้นอีกวะ ใช่มะ? 555555555555555555+ 

นั่นเพราะ หนังอยากให้เราดูว่า "รอดตายแล้วไงต่อ" นั่นเอง

เพราะชีวิตของคนเราไม่ใช่หนัง ที่ตอนจบรอดตายแล้วแยกย้าย พร้อมขึ้น End Credit ประกอบเพลงเบาๆ ที่ไม่ใช่ของซิงกุลาร์! บางคนที่รอดตายไปแล้วก็ยังต้องไปเสี่ยงตายต่ออีก อย่างตัวเอกของเรา กัปตันซัลเลนเบอร์เกอร์ หรือที่ในหนังเรียกว่า "ซัลลี่" นั่นเองฮะ

เสี่ยงตายยังไง? 

ก็เมื่อการบินลงฉุกเฉินกลางแม่น้ำถูกตั้งคำถามว่า "ทำเรื่องห่ามๆแบบนั้นไปทำไม" ในเมื่อคอมพิวเตอร์ได้คำนวณทางรอดวิธีอืื่นไว้หมดแล้ว?  มันก็มากเพียงพอที่จะทำให้จากวีรบุรุษ กลายเป็นจำเลย จากฮีโร่ กลายเป็นผู้ต้องหา จากกัปตัน ต้องกลายเป็นคนผิด

มันเป็นไปได้ยังไงกันวะ!?! ในเมื่อกัปตันเพิ่งช่วยชีวิตคนนับร้อยเลยนาเว่ยยยยยยยยยย

นั่นก็เพราะเคสของเรื่องนี้คือ การพยายามยัดเยียดให้กัปตันซัลลี่ของเรากลายเป็นแพะนั่นเองฮะ!!

ไอ้มะกันนนนนนน มึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

จะว่าหนังเรื่องนี้เป็นการต่อสู้ของกัปตันต่อความอยุติธรรมก็ใช่ แต่เหมือนหนังจะไม่ได้(แค่)โฟกัสตรงนั้น จุดโฟกัสมันอยู่ที่ "การทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด" อันจะเห็นได้จากหลายๆฉากของหนังที่ตัวกัปตันพูดว่า "ผมก็แค่คนๆหนึ่งที่ทำหน้าที่เท่านั้น" 

แน่นอนว่าคำว่า "การทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด" ในหนังเรื่องนี้ไม่ได้หมายถึงแค่กัปตันตำแหน่งเดียว แต่ยังหมายถึงตำแหน่งกองหน้า กองหลัง นักบินที่ 2 ลูกเรือ เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ หรือแม้แต่กัปตันเรือโดยสารที่มีส่วนช่วยในการกู้ภัยครั้งนี้

หากมองในมุมแบนๆป้านๆแล้วนั้น กัปตันก็เป็นแค่อาชีพๆหนึ่งที่มีหน้าที่ส่งผู้โดยสารให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยเท่านั้น สิ่งที่กัปตันซัลลี่ทำ เขาไม่ใช่ฮีโร่ ไม่ใช่วีรบุรุษอะไรทั้งนั้น เขาก็แค่คนธรรมดาๆที่ทำตามหน้าที่

แค่บังเอิญว่า หน้าที่ของเขามันมีความเสี่ยงในทุกๆครั้งที่ออกบิน

แค่บังเอิญว่า หน้าที่ของเขาต้องรับผิดชอบชีวิตคนกว่าเป็นร้อยในเครื่องบินไฟลท์นั้นๆ #บินวนไป

แน่นอนว่าการเป็น กัปตันที่ดี ต้องนำทีมสู่ชัยชนะ ต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นให้ได้