เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Palmy's Privacywichstandup
01: ก่อนจะเป็นปาล์มมี่ มียายและสบู่
  • ขณะที่สบู่ลักซ์และปาล์มโอลีฟกำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของสบู่ก้อนละ 10 บาทอย่างที่ไม่มีใครยอมใครอยู่นั้น บริษัทคอลเกต-ปาล์มโอลีฟได้ส่งสบู่ราคาก้อนละ 6 บาทออกมาตีตลาดล่างอีกทางหนึ่ง โดยตั้งชื่อยี่ห้อสบู่นั้นว่า 'ปาล์มมี่' ไม่มีใครคาดคิดว่าต่อมาจะกลายเป็นชื่อที่ใครต่อใครใช้เรียกสาวผมหยิกฟูคนหนึ่งมากกว่าชื่อจริงของเธอเสียอีก ทั้งที่ชื่อจริงของเธอก็สั้นกว่า มีเพียงพยางค์เดียว นั่นคือที่มาของชื่อที่ใครๆรู้จัก 'อีฟ ปานเจริญ'

    ยายของเธอเป็นชาวมอญโบราณธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีความรู้ทางด้านภาษาอังกฤษอะไร แต่ก็พอจะรู้ว่าชื่อยี่ห้อแป้งและสบู่ที่ตนใช้เป็นคำภาษาอังกฤษซึ่งเหมาะจะเป็นชื่อของเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย จึงใช้เรียกหลานสาวลูกครึ่งคนนี้ด้วยความเอ็นดู

    เธอเป็นนักร้องสาวผู้มีน้ำเสียงทรงพลังและมีเอกลักษณ์ หลายคนอาจมองว่าเธอเป็นตัวของตัวเองสูงจนยากจะเข้าถึง และเธอเองก็มักปฏิเสธที่จะพูดเรื่องส่วนตัวออกตามสื่อต่างๆ จึงทำให้คนทั่วไปรู้จักเธอผ่านงานเพลงมากกว่าตัวตนของเธอ 

    แต่สำหรับยายของเธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้สัมผัสบทเพลงหรือเสียงร้องของเธอเลย ไม่ได้รับรู้เลยว่าหลานสาวคนนี้ประสบความสำเร็จเพียงใด ผู้ชมผู้ฟังรักและชื่นชมหลานสาวคนนี้ของยายมากแค่ไหน

    "ยายรู้จักว่าเราซน ทโมนมาก อ่อนไหว ร้องไห้บ่อย ขี้แง ยายเลี้ยงเราตั้งแต่เกิด นอนด้วยกัน ก็คือหลายๆ อย่าง บุคลิกนิสัยใจคอนี่มาจากยาย เขาจะเลี้ยงมาเข้มงวดพอสมควร เราก็จะเป็นคนเรียบร้อยในโรงเรียน ถ้าอยู่แถวบ้านจะเก๋า"

    "ปาล์มมี่อยากจะบอกว่าเสียดายมากที่ยายไม่อยู่ เสียดายคนอย่างเขา เราอยากให้เขามาอยู่ปลอบเราบ้าง อยากจะร้องไห้ อยากให้อยู่ต่อ อยากให้เห็นสิ่งที่เราทำได้ อยากให้ยายสบายแบบสบายมากๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ยายเลี้ยงหลานหลายคนแล้วหาอยู่คนเดียว ทำอยู่คนเดียว" 

    เธอเว้นช่วงหายใจขณะเล่า หากไม่สังเกตจะไม่เห็นว่าดวงตาของเธอดูเป็นประกายขึ้น คล้ายจะมีน้ำใสๆเอ่อขึ้นมาหล่อเลี้ยงดวงตามากกว่าปกติ

    "อยากจะบอกว่าสิ่งที่ยายสอนไว้ทุกๆเรื่องมันมีผลกับเราวันนี้โดยตรงเลย จิตใจเราที่เป็นแบบนี้เพราะยาย ยายมีแง่คิดที่ดี พอเจออะไรมา เขาพูดอะไรที่ทำให้เรารู้สึกดีได้เราไม่ได้รับจุดนั้นจากแม่เพราะแม่เป็นคนอิสระ" 

    "เราอยู่กับยายมากกว่าเราก็ได้จากยายมาเต็มๆ เสียดายวิชาทำขนมของยาย ไม่ได้กินอย่างเดียวนะ เคยเอาไปขายในซอยแถวบ้าน เป็นขนมไทยมีทุกอย่าง ยายทำเก่งมาก บ้านเราไม่ได้ทำขนมขายแต่ปิดเทอมยายจะทำให้หลานไปขาย เลยทานแต่ขนมไทยอาหารไทยตลอดเวลา ไม่ชอบอาหารฝรั่ง เค้กก็ไม่ชอบ เรากินกล้วยไข่เชื่อม กินขนมกล้วย แกงใต้ แกงไทยๆอะไรเราชอบหมดเลย แกงส้ม แกงเลียง แกงป่า ตอนนี้ทำแกงลาวเอง อร่อยมาก"

    "แนวสั่งสอนของแม่เราจะเป็นแนวชีวิตใครชีวิตมัน คือเราไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เขารู้สึกว่าชีวิตฉันก็คือชีวิตฉัน ถ้าเธอจะทำอะไรก็ไปทำหน้าที่ของเธอให้เสร็จให้ลุล่วง ถ้าผ่านฉันดีใจด้วย ถ้าพลาดมาฉันก็พร้อมที่จะโอ๋เธอ เราก็โตมาเป็นแบบนั้น พออายุ 18 ก็ออกจากซิดนี่ย์มาอยู่เมืองไทยคนเดียวไม่ได้มีแม่ดูแล เรามาอยู่กับญาติผู้ใหญ่เราก็ทำอะไรไปเรื่อยๆ"

    "เราคิดว่าเราไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตอะไรมาก เพราะว่าพอเรียนจบเราก็มาที่นี่ ทำงานเพลงเลย แล้วก็เจอทุกสิ่งทุกอย่างดึงให้เรามาจนทุกวันนี้ เรายังไม่ได้ออกไปเผชิญโลกข้างนอกว่าเป็นยังไง เรามีแค่มุมหนึ่งของการทำงานตรงนี้เท่านั้นเอง ในการใช้ชีวิตถ้าไปปล่อยเราไว้ที่ใดที่หนึ่ง เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะใช้ชีวิตได้หรือเปล่า"
  • โปรดติดตามตอนต่อไป
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in